หากพูดถึงวงการเกมและ Esports แล้ว ก็คงจะมองข้ามเกม FPS แนวใหม่อย่าง Overwatch ไปไม่ได้เลย เพราะถึงแม้มันจะเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาได้ไม่กี่ปี แต่มันกลับกลายเป็นเกมที่มีผู้ชมการแข่งขัน Esports อันดับต้น ๆ ของโลกเลยในปี 2018 ผ่านมา ซึ่งในบทความนี้เราจะไปเจาะลึกกันว่า Overwatch มีประวัติที่มาที่ไปอย่างไร ? รูปแบบการเล่นแบบไหน ? และในปัจจุบันมันยังรุ่งเหมือนตอนเปิดตัวหรือไม่ ?
สารบัญ
Overwatch มีประวัติความเป็นมาอย่างไร
Overwatch ถือกำเนิดในเดือนมีนาคม 2016 โดยมีผู้สร้างเป็น Blizzard Entertainment บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ มันเป็นเกมแนว FPS แต่มีความพิเศษไม่เหมือนกับเกมยิงปืนทั่วไปตรงที่ตัวละครแต่ละตัวจะสามารถใช้สกิลที่แตกต่างกันออกไปได้
Overwatch เป็นโปรเจกต์เกมยักษ์ใหญ่ชิ้นที่ 4 ที่ Blizzard วางแผนไว้ ซึ่งในขณะนั้นมีนามว่า Titan และถูกวางแผนให้เปิดตัวในปี 2014 แต่ก็ถูกยกเลิกไป จนกระทั่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสของเกมสไตล์ MOBA เริ่มโด่งดัง และช่วงนั้นเกม Team Fortress 2 กำลังมาแรง ทำให้ Blizzard ตัดสินใจที่จะฟื้นคืนชีพโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยการยืมองค์ประกอบและแนวคิดส่วนหนึ่งมาทำให้เกม Overwatch สมบูรณ์
Overwatch ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Blizzcon 2014 ว่า สามารถทำการเล่นได้แล้ว และเข้าสู่ช่วง Close Beta (ช่วงทดลอง) ในปี 2015 ก่อนที่จะเปิดให้เล่นจริง ๆ ในต้นปี 2016 การเปิดตัวของ Overwatch นั้นเป็นกระแสที่โด่งดังมากในช่วงนั้น จนดึงดูดผู้เล่นได้มากเกือบ 10 ล้านคน
หนึ่งในสาเหตุที่ Overwatch ได้รับความนิยมมาจากการนำเสนอที่เฉพาะตัวโดยการใช้วิดีโอที่อธิบายเกี่ยวกับเกมและตัวละครซึ่งเรียกกระแสได้ดีมากในช่วงนั้น
ในปีแรกที่เปิดตัว Overwatch สามารถกวาดรายได้ไปได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และ 2 ปี ต่อมา เกมดังกล่าวมีผู้เล่นมากกว่า 40 ล้านคน จนถือเป็นหนึ่งในเกมที่สุดยอดที่สุดในประวัติศาตร์ ได้รางวัลหลากหลายสาขา และยังมี Esports ยักษ์ใหญ่ถือกำเนิดขึ้นอย่าง Overwatch League อีกด้วย
รูปแบบการเล่น
Overwatch นั้นเป็นเกม FPS ที่ผสมผสานเข้ากับเกม MOBA ในเกม ผู้เล่นจะเลือกฮีโร่ 1 ตัวมาต่อสู้กันแบบ 6 ต่อ 6 โดยจะไม่ได้วัดกันว่าใครสังหารเยอะที่สุด แต่จะวัดแพ้ชนะกันที่จุดประสงค์ของแต่ละด่านเช่น ถ้าเกิดยึดพื้นที่ได้นานกว่าถึงจะชนะ หรือถ้าสามารถพา Payload (รถ) เคลื่อนที่ไปไกลกว่าอีกฝ่ายได้ก็จะชนะ
ฮีโร่ในเกม Overwatch นั้นจะไม่มีเลเวล หรือการซื้อไอเทม การที่ฮีโร่จะสามารถใช้ Ultimate ได้นั้น พวกเขาจำเป็นต้องทำการเก็บสะสมก่อนที่จะใช้ได้ โดยสามารถสะสมได้หลายแบบเช่น การทำดาเมจใส่ฝั่งตรงข้าม หรือการฟื้นฟูพลังชีวิตของเพื่อนร่วมทีมกันเอง
ตัวละครหรือฮีโร่ในเกมนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ DPS ที่เป็นตัวทำดาเมจ, แทงค์ที่เป็นตัวสร้างพื้นที่ให้กับทีมและรับดาเมจ และฮีลเลอร์ที่คอยนับสนุนเพื่อนร่วทีมด้วยการฮีลและใช้สกิลอื่น ๆ โดยปกติแล้ว กลยุทธ์ทั่วไปในการเล่นคือแทงค์ 2 ตัว, DPS 2 ตัว และฮีลเลอร์ 2 ตัว เพื่อความสมดุล แต่หลังจากที่เกมพัฒนาไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นก็เริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ ใช้การเล่น 3 แทงค์ และ 3 ฮีลเลอร์ หรือที่เรียกว่า GOATs ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่โปรเพลย์เยอร์ในปัจจุบัน
ความเฉพาะตัวของ Overwatch ที่ไม่มีในเกมยิงปืนอื่น
จากรูปแบบการเล่นที่แปลกใหม่ของ Overwatch ทำให้แตกต่างจากเกมอื่นเป็นอย่างมาก เพราะว่าเกมยิงปืนอื่น ๆ นั้นจะเน้นการสังหารฝ่ายตรงข้ามเป็นหลัก และไม่ค่อยมีการร่วมมือกันเท่าไรนัก ผู้เล่นแต่ละคนต้องใช้สกิลส่วนตัวเพื่อสังหารฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่สุด แต่สำหรับเกม Overwatch ที่การชนะเกิดจากการทำตามวัตถุประสงค์ของแผนที่นั้น ๆ เท่านั้น ทำให้ผู้เล่นเล่นสนุกกันเป็นทีมมากขึ้น
นอกจากนี้ ด้วยความที่ Overwatch มีตำแหน่งแทงค์ และฮีลเลอร์ทำให้ผู้เล่นที่ยิงปืนไม่แม่นมาก็สามารถมาสนุกกับเพื่อน ๆ ของเขาได้ เนื่องจาก 2 ตำแหน่งนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความแม่นเท่ากับตำแหน่ง DPS แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากันเลย
เกม Overwatch ยังแตกต่างจากเกม MOBA อื่น ๆ ตรงที่ ผู้เล่นจะสามารถเปลี่ยนฮีโร่ได้ตลอดเวลา ในขณะที่อยู่ในห้องเปลี่ยนตัว ด้วยระบบนี้ ผู้เล่นจะสามารถเปลี่ยนฮีโร่มาแก้ทางกันได้เรื่อย ๆ เช่น เมื่อฝ่ายตรงข้ามมี Widowmaker (DPS สาย Sniper) ก็สามารถเปลี่ยนฮีโร่เป็น Genji ที่มีความคล่องแคล่วว่องไว และถนัดในการลอบสังหารไปจัดการกับ Widowmaker ได้นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้เล่นต้องงัดฮีโร่มาแก้ทางกันตลอดเวลา และจะกลายเป็นว่า ทีมไหนแก้ทางได้ดีที่สุดก็จะชนะไป ไม่ได้ตายตัวเหมือนเกม MOBA อื่น ๆ ที่ อาจจะตัดสินแพ้ชนะแล้วตั้งแต่ตอนเลือกฮีโร่ และ Overwatch มีมุมมองเป็นบุคคลที่ 1 ไม่ใช่บุคคลที่ 3 เหมือน MOBA ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ฮีโร่แต่ละตัวใน Overwatch จะมีอาวุธหรือปืนประจำตัวอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีระบบการเปลี่ยนอาวุธเป็นปืนอื่น ๆ แตกต่างกับเกมยิงปืนทั่วไป
สถานการณ์ปัจจุบัน และ Esports
ถึงแม้ในปลายปี 2018 ที่ผ่านมา Overwatch จะเจอกับกระแสดราม่าแง่ลบมากมายเช่น การที่สตรีมเมอร์จำนวนมากเลิกสตรีม Overwatch, การที่ Meta ในเกมนั้นน่าเบื่อ, การที่ความสมดุลในเกมไม่สมเหตุสมผล และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ในปัจจุบัน Overwatch ก็ยังคงเป็นเกมที่มีกระแสดีมาอย่างต่อเนื่องอ้างอิงข้อมูลจากเว็บ Statista ในเดือนพฤษภาคม 2018 Overwatch มีจำนวนผู้เล่นสูงถึง 40 ล้านคน และยังคงมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเรื่อย ๆ
สำหรับ Esports ของเกม Overwatch นั้น เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงของเกมนี้เลยก็ว่าได้ มีข้อมูลระบุว่า ในปี 2018 ที่ผ่านมา ช่อง Overwatch League ถือเป็นช่อง Twitch ที่มีผู้คนดูมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว โดยมีการรับชมนานกว่า 74.60 ล้านชั่วโมง
The top @Twitch channels of 2018:
? @Ninja
? @riotgames
? @shroud https://t.co/rReNvBlCR8@overwatchleague has a strong first year, ending fourth in a list that spans a wide range of genres and channel types. pic.twitter.com/0HOCacwrlX— The Esports Observer (@esportsobserved) 29 ธันวาคม 2561
Overwatch League คือลีกการแข่งขัน Esports ที่ใหญ่ที่สุดของ Overwatch ซึ่งถูกจัดขึ้นโดย Blizzard มันถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 และได้กระแสการตอบรับที่ดีมากจากผู้เล่น ในปัจจุบัน Overwatch League ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้วเป็นซีซันที่ 2
นอกจาก Overwatch League แล้ว Blizzard ยังจัดลีกรองอื่น ๆ อีกด้วยเช่น Overwatch World Cup ที่เป็นการแข่งขันกันของทีมจากแต่ละประเทศ (ทีมจากไทยเองก็เคยไปแข่ง) และ Overwatch Contenders ที่เป็นการแข่งขันคล้าย ๆ Overwatch League แต่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดน้อยกว่าเช่น ข้อจำกัดด้านอายุเป็นต้น
วงการ Overwatch ในประเทศไทย
สถานการณ์ของเกม Overwatch ในประเทศไทยนั้นก็ถือว่ามีกระแสตอบรับที่ไม่แย่มาก สังเกตได้จากการแข่งขัน Overwatch World Cup ที่มาจัดที่ไทยในช่วงที่ผ่านมา แฟน ๆ เกม Overwatch จำนวนมากต่างกรูกันเข้าไปเชียร์ทีมไทยอย่างคับคั่ง และทีมจากไทยเองก็สร้างผลงานได้ไม่แย่เลย
มีการจัดการแข่งขัน Esports ในประเทศบ้างเป็นครั้งคราว แต่ยังไม่มีลีกใหญ่ ๆ ที่น่าจับตามอง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ไม่มีสปอนเซอร์และตอนนี้วงการ Esports ในไทยจะไปโฟกัสในเกมอย่าง RoV ที่มาแรงซะหมด แต่ในส่วนของฐานผู้เล่นนั้น ก็ยังมีผู้เล่นประจำอย่างเหนียวแน่นอยู่