เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ทาง Valve ได้ทำการอัพเดทระบบ Matchmaking ของเกม Dota 2 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากทำการอัพเดทการนำระบบ Strict Solo Matchmaking กลับมา โดยการอัพเดทครั้งนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มคุณภาพและสร้างความหลากหลายให้กับ Matchmaking ในกลุ่มผู้เล่นแรงค์สูง
การอัพเดทในครั้งนี้จะเป็นการนำระบบ Role selection ออกไป หากมีผู้เล่นในทีมที่มี MMR สูงกว่า 7,500 ขึ้นไป เพื่อเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับเกม ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกฮีโร่ได้หลากหลายมากขึ้น
โดยไม่ต้องกังวลกับ Role ที่ตัวเองเลือกไว้ก่อนการค้นหาแมทช์ การนำระบบ Role selection ออกไปยังส่งผลต่อระบบการ Draft/Ban ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถวางแผนและเลือกฮีโร่แก้ทางกันได้อย่างอิสระมากขึ้น
Jeff Hill หนึ่งในพนักงา่นของ Valve ออกมาเปิดเผยในเว็ปไซต์ Reddit ว่า “ในตอนนี้พวกเรากำลังให้ความสำคัญกับเกมการแข่งขันระดับสูงที่มีผู้เล่นตั้งแต่ 7,500 MMR ขึ้นไป พวกเราจะจับตาดูผลที่กำลังจะตามมา และดูว่าแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด
นอกจากจะเพิ่มคุณภาพของ Matchmaking แล้ว การนำระบบ Role selection ออก ยังเป็นลดระยะเวลาในการค้นหาแมทช์ลงด้วย โดยทางผู้อัพเดทหวังว่าการอัพเดทครั้งนี้ จะช่วยให้การเล่นเกมมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าต่างเพื่อปิดระบบ Role selection แต่อย่างใด เพราะถ้าหากในทีมมีผู้เล่นที่มี MMR ถึงตัวเลขกำหนด ระบบ Role selection ก็จะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ
มันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทาง Valve ต้องการทดลองระบบ Matchmaking แบบนี้ หรือต้องการให้ผู้เล่นเล่นในสไตล์แบบนี้กันแน่
แต่ที่แน่ๆ คือ การอัพเดทครั้งนี้จะทำให้ผู้เล่นมีอิสระมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ก็เป็นการเปิดช่องว่างให้ผู้เล่นเลือกฮีโร่ที่ทีมไม่ต้องการมาเล่นได้เหมือนกัน
จากคำพูดของ Hill ทาง Valve จะจับตาดูผลจากการอัพเดทครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งมันอาจจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่ทางผู้พัฒนาจะนำระบบ Role selection กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าการอัพเดทครั้งนี้ จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดของ Valve หรือไม่